วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สิงหาคม 31, 2560

สปามือและสปาเท้า ?



"สปามือ" "สปาเท้า"

การทำ "สปามือ" และ "สปาเท้า" ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าการนวดเท้า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง วัยรุ่นไปจนถึงวัยสูงอายุ  เพราะเป็นการผ่อนคลายอารมณ์อย่างหนึ่ง  ราคาไม่แพง ได้ดูแลเท้าและมือ  หลังจากที่ต้องใช้งานมือและเท้ามาอย่างหนัก

มือเป็นส่วนหยิบจับหิ้วของ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไปด้วยแล้ว มักเกิดการอักเสบที่ข้อมือจนกลายเป็นโรคนิ้วล็อก  ทั้งนี้เพราะมีการใช้มือในท่าเดิมๆซ้ำๆอย่างหนักนั่นเอง ส่วนเท้านั้นเป็นอวัยวะที่ต้องรับน้ำหนักร่างกายเกือบตลอดวัน ต้องเดิน ต้องวิ่ง ทำงานอย่างหนักหน่วง และเป็นศูนย์รวมปลายประสาทของอวัยวะ 62 จุด ที่ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆในร่างกายทำให้ผู้คนนิยมนวดเท้าทั้งหญิงและชาย  การทำ "สปาเท้า" จึงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

"สปามือ" และ"สปาเท้า" มีการใช้สมุนไพรที่สารสกัดจากธรรมชาติควรเลือกตามกลิ่นที่ชอบ หรือดูตามธาตุเจ้าเรือนด้วย เพื่อให้เหมาะกับสุขภาพของคุณ

  • คนธาตุดิน
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของลาเวนเดอร์  ซึ่งจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย  บรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • คนธาตุน้ำ
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของขิง  ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายและระบบประสาทแข็งแรง  ปลอดโปร่ง เลือดไหลเวียนสะดวก ทำให้รู้สึกสดชื่น
  • คนธาตุลม
    น้ำมันที่ใช้จะเน้นส่วนผสมของโรสแมรีและมะกรูด  ซึ่งช่วยในเรื่องระบบหมุนเวียนเลือดให้สมดุล  สร้างความกระปรี้กระเปร่า
  • คนธาตุไฟ
    น้ำมันที่ใช้เน้นส่วนผสมของโรสแมรีและดอกมะลิ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจสงบ  นอนหลับสบาย  ผ่อนคลายความกังวล

        ขั้นตอนการทำ "สปามือ" และ "สปาท้า"

เริ่มจาการแช่เท้าด้วยสมุนไพร  เช่น มะกรูด ตะไคร้ ขมิ้น  เป็นต้น  และเกล็ดเกลือคริสตัลบริสุทธิ์จากทะเลสาบเดดซี  ผสมกับน้ำมันสุคนธบำบัดที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย  จากนั้นขัดเท้าด้วยเกลือหอม  จะช่วยให้ผิวเท้าดูเนียน  พร้อมรักษาแผลเป็นและลดรอยด่างดำ  ส่วนการพอกด้วยโคลน  เพื่อเติมแร่ธาตุ  และเพิ่มความนุ่มให้ผิวเท้า  ก่อนจะปิดท้ายด้วยขั้นตอนการนวดด้วยน้ำมันสุคนธบำบัดตามธาตุเจ้าเรือนที่กล่าวมา


การทำเล็บมือและเล็บเท้า

เพราะเล็บมือ เล็บเท้าต้องทำงานหนัก  เปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก  และมีการงอกของเล็บอยู่ตลอดเวลา  จึงต้องหมั่นทำเล็บมือ เล็บเท้า โดยธรรมชาติทุกคนจะมีเล็บมืองอกเร็วกว่าเล็บเท้า เล็บของเด็กยาวเร็วกว่าผู้ใหญ่



ข้อควรรู้ในการทำเล็บสำหรับการทำ "สปามือ" และ "สปาเท้า"
  • เล็บเปื้อนยางผลไม้หรือยางผัก  เป็นรอยสกปรกสีน้ำตาล ให้ใช้มะนาวผ่าซีกขัดถูซ้ำ ๆ จนหมดคราบ
  • ถ้าแพ้หินขัด ใช้ครีมขัดผิวแทน
  • การขัดผิว อย่าให้ผิวหนังเปียกน้ำมาก จะขัดไม่ออก
  • การทาเล็บไว้นานหลายสัปดาห์ โดยไม่มีการพัก จะทำให้เล็บเหลืองเพราะเล็มไม่ได้รับอากาศและแสงแดด
  • น้ำสบู่ที่แช่เล็บควรใช้น้ำอุ่น จะทำให้ความสกปรกออกง่าย
  • อย่าตัดให้โค้งมนเข้าไปด้านข้างเล้บ จะทำให้เล็บขบคือเล็บเข้าไปงอกข้างใต้เล็บ ทิ่งแทงเนื้อเกิดการอักเสบ ปวด บวม
  • การตัดหนังต้องมือเบา อย่าตัดจมูกเล็บมากเกินไป ควรตัดเฉพาะส่วนที่ฉีกขาดออก
  • การล้างยาทาเล็บเก่าออก ให้เอาน้ำยาล้างเล็บหยดลงไปบนก้อนสำลีให้ชื้นๆ แล้วปิดเอาไว้บนเล็บต้องการจะล้างออก  เพื่อให้สีเก่าอ่อนตัวลง จะได้เช็ดออกง่าย
วิธีการทำเล็บมือและเล็บเท้า สำหรับ "มือ" และ "สปาเท้า"
  • ก่อนอื่นล้างยาทาเล็บเก่าที่ติดอยู่บนเล็บ  โดยใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บแตะปลายเล็บทิ้งไว้สักพักแล้วลูบออก  ล้างเล็บจากนิ้วก้อยจนถึงนิ้วหัวแม่มือ  แล้วใช้สำลีเช้ดไปรอบบๆเล็บ  จากโคนมาปลายเล็บ
  • หลังจากนั้น  ใช้กรรไกรตัดเล็บให้มีความยาวเท่ากัน ตัดที่ปลายเล็บและด้านข้าง  ให้เป็นไปตามรูปเล็บจะได้สวยงาม  ตามด้วยการตะไบเล็บใช้ตะไบเหล็กตะไบแต่งเล็บ  แล้วใช้ตะไบทรายแต่งอีกครั้ง เพื่อให้เล็บเรียบไม่เป็นเสี้ยน  ตะไบเล็บให้ได้รูปสวยตามต้องการ และควรตะไบใปในทางเดียวกัน ไม่ควรตะไบย้อนกลับไปกลับมา
  • หลังจากนั้นแช่ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าในน้ำอุ่นผสมสบู่  บางแห่งใช้น้ำนมผสมน้ำอุ่นสัก 10 นาที  เนื่องจาน้ำนมอุ่นๆนี้จะช่วยให้เซลล์หนังกำพร้าที่หยาบกร้านนุ่มนวล  ทำให้ง่ายต่อการขจัดเซลล์หนังกำพร้าเหล่านี้ออกไป  ระหว่างแช่ก็เหยาะน้ำมันมะกอกลงไปด้วยสัก 5-6 หยด เพื่อให้สิ่งสกปรกออกง่าย และหนังรอบๆเล็บนุ่ม
  • ต่อไปเป็นการแปรงเล็บ  ใช้แปรงแตะสบู่ แปรงเล็บ ตามความยาวเล็บและตามขวางให้สะอาด
  • ลำดับต่อมาจึงใช้น้ำลูบแขนและมือพอหมาดๆ ถูขึ้น-ลง  เพื่อให้ความสกปรกออก  หรือใช้หินขัดแทนก็ได้  กรณีที่ส้นเท้าค่อนข้างกร้านอาจขัดด้วยหินภูเขาไฟเบาๆ  แล้วล้างน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้ง  ที่เท้าก็ทำเช่นกัน   แล้วทาน้ำมันบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  • ใช้ตะไบเหล็กตักวาสลิน ทาบริเวณขอบหนังรอบเล็บ  เพื่อให้หนังรอบเล็บนุ่ม  ใช้เหล็กดุนหนังด้านมน  เซาะรอบขอบเล็บ  ด้านปลายแหลมแซะใต้เล็บเอาเศษสิ่งสกปรกออก
  • ใช้กรรไกรตัดหนังค่อยๆตัดหนังรอบๆเล็บอย่างเบาๆ อย่ากดลึก  แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บที่เล็บและใต้เล็บ  ใช้น้ำสะอาดล้างและเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง
  • ต่อไปเป็นการทาเล็บ  ต้องทารองพื้นเล็บด้วยน้ำยารองพื้นเสมอ  เพื่อปกป้องเล็บจากน้ำยาและทำให้การเช็ดสีเล็บง่าย  เริ่มจากนิ้วก้อยก่อนจนถึงนิ้วหัวแม่มือแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง  สำหรับเล็บเท้าให้ใช้สำลีก้อนสอดระหว่างน้วเพื่อให้ทาง่าย
  • หลังจากนั้นทาเล็บโดยเริ่มแต้มบางๆ ที่ปลายเล็บก่อน  เพราะเป็นส่วนที่สีจะลอกง่ายที่สุด  จากนั้นจึงเริ่มทาจากโคนเล็บขึ้นมา  และทาด้านข้าง  ทายาทาเล็บ 2 ครั้ง เพื่อให้สีเล็บสวยและสีไม่บางเกินไป  เมื่อทาเสร็จอาจใช้ไม้พันสำลี  ค่อยๆเช็ดรอบๆเล็บ  เอาสีที่เปื้อนเลอะออกไป  แล้วจึงค่อยทาน้ำยาเคลือบสีเล็บ  ถ้าอยากให้สีสันติดทนนานๆ ควรทาน้ำยาเคลือบสีเล้บวันเว้นวัน  จะช่วยปกป้องสีเล็บไม่ให้หลุดออกไปได้นานนับสัปดาห์
♦เรียบเรียงบทความ "สปามือ" และ "สปาเท้า"
โดยกองบรรณาธิการ
Yesspathailand







TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา
สิงหาคม 31, 2560

สปาหู ดีจริงหรือ? article



สปาหู ดีจริงหรือ? Ear Aromatherapy หรือ Ear Candeling

ความเครียดจากงาน... อาการปวดหูจาการใช้โทรศัพท์... หรือกม้กระทั่งคนที่เป็นไซนัส... ตลอดจนระบบทางเดินหายใจติดขัด... ปัญหาเหล่านี้สามารถทุเลาลงได้ด้วยวิธีการง่ายๆ กับศาสตร์บำบัดยอดฮิตที่เรียกว่า... "สปาหู"  คำว่า "สปาหู"  คงไม่เป็นที่คุ้นเคยเหมือน สปาทั่วไป ทั้งๆที่เป็นศาสตร์บำบัดดั้งเดิมของมนุษย์  และปัจจุบันเมืองไทยก็นำศาสตร์พวดนี้มาเปิดบริการ โดยการบำบัดด้วยควันจากเทียน เพื่อนวดเส้นประสาทในหู ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบร่างกาย

ศาสตร์บำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแห่งลุ่มแม่น้ำอริโซนา ก็คือพวกเขานำเทียนขี้ผึ้งผสมสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย  ทำเป็นแท่งเทียนมีแกนกลางที่กลวง ใช้ต่อเชื่อมเข้าไปในรูหู แล้วจุดเทียนเพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหู  ส่งผลให้เนื้อเยื่อภายในถูกกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศีรษะ และคอ ช่วยผ่อนคลายปรับสมดุล ปรับความดัน ต่างๆ รวมทั้งอาการหวัด ไมเกรน ปวดหู ศาสตร์นี้ ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อย่างแพร่หลายในแถบยุโรป และอเมริกา เป็นศาสตร์ที่พวกเราคนไทยรู้จักกันในนามว่า สปาหู หรือ Ear Aromatherapy  หรือ Ear Candeling

สรรพคุณเทียน "สปาหู"


ใช้รักษาอาการไซนัส ไข้หวัด อาการภูมิแพ้ เจ็บคอเจ็บหู ลดอาการปวดเมือยเนื่องจากความดันที่สูงและต่ำ การกรน การอักเสบ ในช่องไซนัส ต่อมน้ำเหลือง การบวมของต่อมภายในหู ภาวะหูตึง ระบบการทรงตัวไม่ดี ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น


  • ลดอาการคันและบำบัดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน
  • ขจัดแบคทีเรีย บำรุงเส้นประสาทสมองให้ สดชื่น
  • ช่วยลดอาการตรึงเครียดในสมอง
  • ช่วยลดอาการซึมเศร้า  ขี้หลงขี้ลืม
  • ลดความตรึงเครียดและความกดดันในสมอง
  • สร้างความสดชื่นให้สมอง
  • ทำให้ช่องหูสอาด

การทำ " สปาหู " อย่างถูกวิธีจำเป็นต้องเข้าใจถึงหลักการและขั้นตอนเสียก่อน

"สปาหู" เป็นธรรมชาติบำบัดรูปแบบหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนรักสุขภาพแถบยุโรปและอเมริกา เป็นศาสตร์แห่งการบำบัดเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียแดงแถบลุ่มแม่น้ำอริโซน่า ที่นำขี้ผึ้งผสมสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหย ทำเป็นแท่งเทียนที่แกนกลาง กลวงและใช้ต่อเชื่อมเข้าไปบริเวณรูหู และจุดไฟเทียนที่ปลายอีกด้านหนึ่ง  เพื่อให้เกิดควันและความร้อนอ่อนๆ ผ่านเข้าไปในช่องหูด้านนอก  อันจะส่งผลต่อเนื้อเยื่อภายในโดยรอบหูพร้อมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองภายในศรีษะและคอ

"มีการบันทึกประโยชน์ของสปาหูว่า ทำให้ผ่อนคลายและช่วยปรับความสมดุลระดับความดันที่เกี่ยวกับการทรงตัว  ระบบไซนัสที่ติดขัดจะเริ่มต้นหมุนเวียนและถ่ายเท และระดับภูมิคุ้มกันจะตอบสนองและพัฒนาขึ้น ซึ่งหมายถึงอาการของโรคต่างๆ จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน เช่น อาการไข้หวัด ไมเกรน ปวดหู หรือช่วยทำความสะอาดหูที่มีขี้หูเปียกชื้นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นต้น"

อุปกรณ์สำคัญในการทำสปาหู คือ "เทียนหู" (Ear Candle)  

ซึ่งทำจากผ้าคอตตอนหรือผ้าลินินที่ไม่ได้ฟอกสี จุ่มลงในขี้ผึ้งแล้วพันม้วนเป็นแท่งกลวงตรงกลาง บางชนิดผสมน้ำมันหอมระเหยหรือสารสกัดจากสมุนไพรอาทิ  Peppermint, Eucalyptus, Lavender ลงไปในขี้ผึ้ง ตามสูตรโบราณเพื่อประโยชน์บางอย่างที่ออกมาพร้อมกับควันเทียนในระหว่างการเผาไหม้

สำหรับวิธีการทำ "สปาหู"

เริ่มจาการนวดบริเวณใบหน้าเพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียน จากนั้นจึงใช้น้ำมันนวดที่บริเวณใบหูโดยเริ่มจากทำจากหูที่ไม่ค่อยมีปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงการปวดหูด้านเดิมมากขึ้นและเพือให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน  จากนั้นจึงใช้เทียนจ่อเข้าไปในรูหู  แล้วจุดไฟที่ปลายเทียน โดยขณะที่ทำให้คอยตัดขี้เถ้าเทียนออกเป็นระยะๆ นอกจากนี้ระหว่างทำให้สังเกตที่เปลวไฟ  หากไฟนิ่งย่อมแสดงว่ามีการหมุนเวียนของควันได้ดี  ส่วนระยะเวลาในการเผาไหม้ของเทียนนั้นประมาณ 8-12 นาที สำหรับคนปกติ และประมาณ 15-20 นาที  สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ที่สำคัญควรทำทั้ง 2 ข้าง  ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้วควรนั่งนิ่งๆ ประมาณ 10 นาที และดื่มน้ำตามมากๆ


"ขณะทำจะได้ยินเสียงคล้ายน้ำตกซึ่งทำให้เกิดความผ่อนคลาย เมื่อทำเสร็จจะรู้สึกว่าตั้งแต่คอขึ้นไปรู้สึกเบาขึ้น  คนที่นอนไม่หลับก็ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและคนที่ปวดหูจาการใช้โทรศัพท์มือถือมากๆ ก็จะดีขึ้นด้วย"  หลายคนคิดว่าสิ่งที่เห็นด้านในของเทียนนั้นคือ ขี้ผึ้งของเทียนที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ของเทียนเอง  ซึ่งสีที่ปรากฏนั้นสามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีสุขภาพอย่างไร

ผลลัพธ์ของขี้ผึ้งจากการทำ "สปาหู" บอกอะไรเราบ้าง?
  • สีน้ำตาล ค่อนข้างใส ถือว่าปกติ
  • สีน้ำตาลดำ แสดงว่าเป็นคนค่อนข้างเครียด และมีน้ำในหูมาก
  • สีน้ำเงิน คือคนที่มีปัญหาโรคมะเร็ง
  • สีเขียว คือคนทีมีสุขภาพแย่มาก
อย่างไรก็ตาม ความถี่ในการทำสปาหูนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคล สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื้อรังประมาณ 5-10 ปีขึ้นไปควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ลดลงเหลือสัปดาห์ละครั้ง  นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่ควรทำสปาหู คือ คนที่เป็นโรคแก้วหูฉีกหรือมีไข้สูงมากๆ  รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ ก็ไม่ควรทำเช่นกัน

ข้อโต้แย้งและคำเตือนทางวิชาการและวงการแพทย์ เกี่ยวกับการทำ "สปาหู"

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้ข้อมูลว่าการทำ "สปาหู" ถือว่ายังไม่ได้รับการยอมรับว่าสามารถรักษาโรคตามที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ ไม่ว่าโรคใด เช่น โรคไซนัส หวัด ไมเกรน และภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เนื่องจากยังไม่มีรายงานทางวิชาการสนับสนุน
องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐ อังกฤษและแคนาดา ไม่ยอมรับการทำสปาหู  โดยวารสารชั้นนำ โสต ศอ นาสิก ในต่างประเทส  มีการตีพิมพ์ระบุว่าการทำ "สปาหู"ไม่มีข้อดีมีแต่ข้อเสีย เช่น ทำให้ช่องหูหรือแก้วหูถูกเผาไหม้ เป็นต้น จาการสอบถามผู้ที่เคยใช้บริการ "สปาหู" ในประเทศแคนาดา จำนวน 122 ราย  พบว่าได้รับบาดเจ็บจาการทำ "สปาหู" 13 ราย  มีการอุดตันของรูหูจากขี้ผึ้งของเทียนสปา 7 ราย สูญเสียการได้ยิน 6 ราย เกิดภาวะแก้วหูทะลุ 1 ราย  จากข้อมูลที่มีผู้เสียหายจำนวนมากนี้  หน่วยงานจึงไม่เห็นด้วยที่จะทำ "สปาหู"
แพทย์บอกว่า "สปาหู" ไม่สามารถรักษาไซนัสให้ดีขึ้นได้  เนื่องจากโพรงไซนัสอยู่บริเวณหน้าผากและติดต่อทางหูชั้นกลาง ขณะที่การทำสปาหูเข้าถึงเพียงบริเวณช่องหูในหูชั้นนอกเท่านั้น  โดยมีแก้วหูเป็นตัวกันระหว่างหูชั้นนอกและชั้นกลาง  หากจะเข้าถึงหูชั้นกลางต้องเจาะทะลุแก้วหูเข้าไปเท่านั้น ซึ่งจะเป็นอันตราย
  • การทำ"สปาหู" ไม่สามารถช่วยดึงน้ำในหูชั้นในได้ จึงไม่อาจรักษาภาวะน้ำในหูไม่เท่ากันได้ โรคนี้จะมีอาการเวียนศีรษะ
  • ส่วนขี้หูนั้น มีหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้ารูหู  ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องเอาขี้หูออกแต่อย่างใด ยกเว้นขี้หูอุดตันที่ควรให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เอาออก
  • คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู  แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำ "สปาหู" อย่างเด็ดขาด

♦เรียบเรียง "สปาหู ดีจริงหรือ?" 
โดยกองบรรณาธิการ

YesSpaThailand.com



TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา
สิงหาคม 31, 2560

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับสปา ?



ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่สำคัญและนิยมใช้สำหรับสปา


น้ำมัน โจโจบา (Jojoba Oil)


มีสีเหลืองอ่อนจางๆ ซึมซาบได้ดี ดูแลเส้นผมและปัญหาผิวหนังได้ดีเยี่ยม


น้ำมัน อัลมอนด์หอม (Sweet Almond Oil)


มีสีเหลืองอ่อนจางๆ ซึมซาบสู่ผิวได้ดีมาก ใช้ได้กับผิวทุกสภาพ


น้ำมัน ดอกพริมโรส (Evening Primrose Oil)


นิยมใช้ในเครื่องสำอางถนอมผิว และดูแลผิวหน้า ช่วยชะลอรอยเหี่ยวย่นได้ดี


น้ำมัน มะพร้าวบริสุทธิ์  (Virgin Coconut Oil)


ช่วยให้ผิวสวยนุ่มเนียม ช่วยบำรุงผิวพรรณ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเหี่ยวย่น ให้ความชุ่มชื้น ช่วยปกป้องผิวและซ่อมแซมผิวหนัง


น้ำมัน เฮเซลนัท (Hazelnut Oil)


เป็นน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ซึมซาบสู่ผิวได้ดีมาก นิยมใช้ถนอมผิวหน้า


แอปปริคอท (Apricot Meal)


บำรุงผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายและแก่ก่อนวัย ช่วยลดริ้วรอยและรอยหยาบกร้าน อ่อนโยนกับทุกผิวพรรณ


ทานาคา (Yanaka)


ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความหมายหมองคล้ำบนใบหน้า จุดด่างดำ สิวฝ้า ช่วยให้ฝ้าจางลง และป้องกันการเกิดฝ้า  ทำให้ผิวขาวเนียนนุ่ม เรียบเนียนอ่อนเยาว์ขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น


ไพล (Zingiber Cassumunar Roxb)


แก้โรคผิวหนัง แก้ฝี ป้องกันการติดเชื้อ ดูดหนอง สมานแผล แก้เหน็บชา ขับลม ขับระดู ขับเลือดร้าย แก้เคล็ดขัดยอก


ดินสอพองสด (Hygienic Din So Pong)


แก้เม็ดผดผื่นคัน ห้ามเหงื่อดับพิษร้อน ขจัดสิวเสี้ยน ลดอาการปวดปวมจากการอักเสบ ฟกบวมช่วยปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น ป้องกันผิวเสียจาการถูกแสงแดด ดินสอพองสตุ คือดินสอพองที่ผ่านการทำให้สะอาดฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน ตามสูตรยาไทยโบราณ ต้องเผาดินสอพองในภาชนะปิดสนิทเป็นเวลาข้ามคืน การใช้ดินสอพองสตุมาผสมสมุนไพรแล้วค่อย ผสมน้ำหรือน้ำสมุนไพรเมื่อต้องการใช้สะอาดและปลอดภัยกว่าใช้ดินสอพองที่ผสมสมุนไพรแล้วเอาบีปเป็นก้อนสำเร็จรุปเพราะการที่สมุนไพรถูกน้ำแล้วอาจทำให้เกิดเชื้อราได้


ขมิ้น (Curcuma)

รักษาโรคผิวหนัง แก้ผื่นคัน บำบัดกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาและสิ่งสกปรกร่างกาย  สามารถยับยั้งการเจริญของแบคที่เรีย รักษาแผลสด แก้เคล็ดขัดยอก สมานแผลลดอาการอักเสบ ทำให้ผิวพรรรผุดผ่องมีสาร Curcumin ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนเยาว์

เม็ดบัว (Lotus Bean)

มีปริมาณสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีนประมาณ 23 % ซึ่งสูงกว่าข้าวถึง 3 เท่า และเป็นแหล่งรวมธาตุอาหารหลายชนิดด้วยกัน  ช่วยบำรุงธาตุ สมานแผล แก้พุพอง  บำรุงผิว ทำให้ชุ่มชื่นใจ

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว (Acid Taste Fruits)

จะให้กรดผลไม้ธรรมชาติและวิตามินซี ซึ่งช่วยทำให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดออก และกระตุ้นเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ จึงทำให้ผิวหน้าสะอาดขาวเนียนนุ่มอมชมพู..ใสกิ๊ก โดยปราศจากสารเคมี

ข้าวโอ๊ต (Oat Bran)

เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลดอาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง  นอกจากจะช่วยบำรุงร่างกายแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ มีวิตามินฮีช่วยทำให้ผิวขาวเนียนและลดริ้วรอย

น้ำนม (Milk)

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสมัยโบรารเขาใช้น้ำนมอาบน้ำ (คลีโอพัตตรา...นั่นแหละ) เพราะน้ำนมช่วยบำรุงผิวพรรร ถนอมผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม

โยเกิร์ต (Yogurt)

เป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่อุดมไปด้วยวิตามินได้แก่ Vitamin A, B1, B2, B3, B12, D, E ให้คุรค่าอาหารโดนเฉพาะมีวิตามินบีหลายชนิด ฉะนั้นควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ โยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวพรรณ ถนอมผิว ช่วยให้ผิวขาวนวลอมชมพูอีกด้วย

วอลนัท (Walnut)

ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร การขัดวอลนัท ซึ่งเป็นสครับธรรมชาติ ทำให้ผิวเนียน ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออก กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยขจัดผิวฟองน้ำ ขจัดผิวที่หยาบกร้านหมองคล้ำ ช่วยบำรุงผิว

น้ำมันงา (Sesame Oil)

ช่วยแก้ผิวแตกแห้ง ลดริ้วรอย ใช้ถนอมผิวได้ดี โดยเฉพาะผิวที่ถูกแดดจนไหม้เกรียม ผิวที่ขากการบำรุง ปกป้องความชุ่มชื้นของผิว บรรเทาอาการปวดตามข้อ

ต้นชา (Tea Tree)

ต้านเชื้อแบคที่เรีย ต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อรา ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก รักษาสิว แผลติดเชื้อ แก้รังแค ช่วยให้สดชื่น

ชาเขียว (Green Tree)

ยับยั้งแบคที่เรีย  ต่อต้านอนุมูลอิสระ (เซลล์ มะเร็ง) ป้องกันการอักเสบของผิวหนังจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต Epigallocatechin Galalte ที่มีอยู่มากในตัวชา  เป้นสารต้านพิาและยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อดี

♦เรียบเรียงบทความ "ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่สำคัญและนิยมใช้สำหรับสปา"โดยกองบรรณาธิการwww.YesSpaThailand.com


TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา



สิงหาคม 31, 2560

สปาไทย-สปาตะวันตก


การจัดประเภทของสปาไทย สปาตะวันตกและสปาไทยพื้นบ้าน
ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดประเภทของ 
"สปาไทย-สปาตะวันตก" ตามลักษณะของธุรกิจสปา 


โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ คือ

1. "สปาแบบตะวันตก" 

เป็นการให้บริการ "สปา" ในรูปแบบที่เน้นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย มีราคาสูงจากต่างประเทศ ผู้ให้บริการด้านสปาต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทั้งยังต้องสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสปา แก่ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี เครื่องมือที่ใช้ เช่น ออกซิเจน โซลาร์ สปา เครื่องอบเซาวน่า เครื่องอินฟราเรด เซาวน่า เป็นต้น

2. "สปาแบบไทยประยุกต์"

เป็นการให้บริการ "สปา" ที่ผสมผสานระหว่างสปาตะวันตกและสปาแบบตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยนำเครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการสปา ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นพื้นบ้านของไทย สปาในรูปแบบนี้เรียกกันว่า "สปาไทย"

3. "สปาแบบไทยแท้ หรือ สปาไทยพื้นบ้าน"

คือ "สปา" ที่เกิดจากการฟื้นฟูภูมิปัญญาพื้นบ้านดั้งเดิมของคนไทยในด้านการดูแลสุขภาพแบบโบราณ นำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบสปา โดยยังดำรงรักษาแบบพื้นบ้าน เช่น การอาบสมุนไพร การอบสมุนไพร การนวดสมุนไพรไทย การแช่น้ำสมุนไพร การนวดประคบ ขัดผิว การอยู่ไฟหลังคลอดบุตร ตามวิถึธรรมชาติของบรรพบุรุษชาติไทย ที่มีความเรียบง่ายและมีกลิ่นไอพื้นบ้านของไทย ผู้ให้บริการในสปาไทยพื้นบ้าน มักมีความสามารถในเชิงบำบัดเทียบได้ใกล้เคียงกับหมอพื้นบ้านในอดีต โดยเน้นการผ่อนคลายและการบำบัดโรคบางชนิด สถานที่ของสปาไทยพื้นบ้านจะมีการตกแต่งโดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น ในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยอาจจะจัดสถานที่บริการให้มีบรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านหรือสวน และนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของไทยมาประยุกต์ให้เข้ากับบรรยากาศของสปา

♦เรียบเรียงบทความ 
"การจัดประเภทของสปาไทย สปาตะวันตก และสปาไทยพื้นบ้าน"

โดยกองบรรณาธิการ

www.baimintspa.com
TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา
สิงหาคม 31, 2560

รูปแบบและบริการของสปา ?


รูปแบบและบริการของสปาที่ได้รับความนิยม


ความสุขที่ได้รับจากสปา มีให้เลือกรูปแบบและบริการหลากหลายวิธีด้วยกัน  ขึ้นอยุ๋กับสปาประเภทไหนจะเลือกใช้อะไร บริการของสปามีหลายแบบด้วยกัน ดังนี้ คือ

1. การนวดร่างกาย (Body Massage)


เป็นทางเลือกยอดนิยมของการทำสปา ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม โดยสปาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป ขึ้นอยูกับการนำเอาความโดดเด่นของการนวดแบบใด มาผสมผสานให้เป็นเอกลักษณ์ของสปาแต่ละแห่ง  แต่หลักๆมี ๒ ประเภท คือ นวดแผนไทย กับ นวดบำบัดอโรมา รวมไปถึงการนวดของชนชาติอื่น เช่น การนวดแบบสวีดิช  ( Swedish Massage ) เป็นต้น เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของโลหิตที่ผิวหนังโดยใช้เทคนิคการลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ มีการลูบ การเคาะ เพื่อกระตุ้นระบบประสาท และการเขย่าอย่างเป็นจังหวะ  ปัจจุบันมีการนำพฤกษาบำบัดเข้ามาใช้ประกอบในการนวดด้วย  เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์


บางแห่งมีคอร์สนวดกระชับไขมันส่วนเกินด้วย การนวดทุกแบบมีผลดีต่อสุขภาพมากน้อยต่างกัน  การนวดได้รับความนิยมอย่างสูลในเมืองไทย โดยเฉพาะนวดแผนไทย จัดเป็นทรีตเมนท์ ที่มีประจำสปาทุกแห่ง  มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะมีทั้งความนุ่มนวลเพื่อผ่อนคลาย มีทั้งความหนักแน่นเพื่อการรักษา และยังมีการประคบด้วยสมุนไพรไทย  สามารถนวดเพื่อผ่อนคลายรักษาเฉพาะจุดได้ เช่น การนวดเท้า นวดไหล่ นวดเท้า นวดไขสันหลัง เพื่อกระตุ้นประสาท เป็นต้น

2. อบซาวน่า หรือ อบสมุนไพร (Aroma Steam / Herbal Steam)


เป็นการกระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้างพร้อมที่จะขับสารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก้ได้ ขอแค่ให้มีอุปกรณ์เครื่องซาวน่าก็ใช้ได้


3. สครับ (Scrub)  


คือ การกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณจากธรรมชาติ  เช่น พืชสมุนไพรต่างๆรวมทั้งการใช้เกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป  เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมาทดแทน เป็นการเติมสารอาหารให้ผิวด้วย วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวเนียนนุ่ม เรียบ และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น  การขัดผิวสามารถใช้สมุนไพรขัดหรือใช้ครีมขัด แต่ในบางกรณีการใช้สมุนไพรขัดนั้นอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือมีปัยหาเรื่องของความแห้งของผิวตามมาได้ ซึ่งต่างจากการใช้ครีมขัดเพราะในครีมขัดนั้นจะมีตัวเนื้อครีมที่ช่วยให้ความลื่นในการถูหรือขัด  เม็ดของครีมจะทำให้อ่อนนุ่มลงลดแรงการเสียดสีกับผิวหนัง ซึ่งจะป้องกันการอักเสบและการแพ้ของผิวหนังได้

  • ชาเขียวเหมาะสำหรับการลดริ้วรอย
  • กาแฟเหมาะสำหรับการขัดสารพิษ
  • งาดำเหมาะสำหรับคนผิวแห้งและการบำรุงผิว
  • ผลไม้รสเปรี้ยวเหมาะกับการผลัดผิว บำรุงผิว

4. การห่อร่างกาย (Body Wrap)


ห่อลำตัว และแขน ขา คล้าย การห่อทารกแรกเกิด ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ อาจจะ เป็นสาหร่ายทะเล  (Seaweed Mask) หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด แล้วอาจห่อด้วยผ้าห่มชุบน้ำร้อนหรือผ้าห่มชุบน้ำเย็นนาน 20-30 นาที ขั้นตอนนี้ช่วยให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงขึ้นอย่างคงที่ รูขุมขนเปิดกว้าง เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย  ฟื้นฟูสภาพผิวและยังช่วยในเรื่องการผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ ทำให้ร่างกายสงบ บรรเทาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ และข้อต่ออักเสบ

5. วารีบำบัด หรือ การบำบัดด้วยน้ำ (Hydro Therapy)


มีรูปแบบแตกต่างกันไป ตั้งแต่การแช่ตัวในน้ำ การอบตัว การห่อตัว การประคบ การสูดดม การใช้น้ำร้อนจัดสลับเย็นจัด การฉีดน้ำ การรดน้ำ และว่ายน้ำ

  • สปาบางแห่งอาจให้นอนแช่ในอ่างที่ผสมน้ำมันระเหย น้ำมันหอมระเหยให้ประโยชน์จาการซึมซาบเข้าผิวหนังและการสูดดม  ให้ความสดชื่นผ่อนคลาย ช่วยกระคุ้นการหมุนเวียนเลือด และบำบัดอาการผิดปกติบางอย่างตามสรรพคุณของชนิดน้ำมันหอมระเหย

  • บางแห่งให้นอนแช่ในอ่างที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ (Floral Bath) แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกับเกลือแร่ลงไปผสม  วิธีแช่ตัวแบบนี้จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้ดี สรรพคุณขึ้นกับน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ ควรแช่ตามเวลาที่กำหนด เช่น 10-30 นาที เป็นต้น ระวังการแพ้น้ำมันบางชนิด และเมื่อไม่สบายไม่ควรแช่

  • การอาบน้ำที่เรียกว่า  (Swiss Shower) คือ ยืนอาบน้ำร้อนสลับกับน้ำเย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวพร้อมกัน 8-10 จุด ทั่วร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของโลหิต น้ำเย็นทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่วนน้ำร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว การยืดหดของหลอดเลือด เลือดจะกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในด้วย

  • การอาบน้ำแบบ  (Vichy Shower) เป็นการบำบัดด้วยแรงดันน้ำ อาจใช้ฝักบัวหลายอันเรียงในแนวตนงตามความยาวของร่างกาย โดยอาจให้นอนคว่ำลง มีแรงดันของน้ำที่พุ่งออกมากระทบแผ่นหลังและท่อนขาอย่างครอบคลุมนาน 15-20 นาที  ช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อให้สมุนไพรต่างๆ ที่นำมาพอกตัวภายหลังสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นในได้ดีขึ้น ช่วยคลายเครียดและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อด้วย
6. โภชนบำบัด (Nutrition Therapy) 


เน้นการกินสารอาหารตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแห้ง อาหารปรุงแต่ง หรือปนเปื้อนสารเคมี และสารอาหารดัดแปลง มีนักโภชนาการหรือแพทย์ทางเลือกเป็นผู้แนะนำ


7. Exercise Breathing Therapy

เป็นวิธีบำบัดที่พบมากในสปายุคพัฒนา  ซึ่งมีการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งแบบแอโรบิกและยืดเส้นยืดสาย เช่น โยคะ ไทเก็ก ซี่กง ออกกำลังกายในน้ำ รำกระบอง ฯลฯ แต่ต้องมีครุฝึกคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง

8. การฝึกสมาธิ (Meditation) 
และการฝึกจิต (Autogenic Training)


มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความรู้จักตัวเอง เข้าใจในพฤติกรรมและปัญหาต่างๆ ของตนเอง  เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรืออุปนิสัยที่ไม่ต้องการออกไปและปรับปรุงแก้ไขความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น  มีความสุขในสังคมและสิ่งแวดล้อม มีชีวิตอย่างมีความหมายและมีชีวิตชีวามากขึ้น  ฝึกจิตให้ลงไปถึงระดับจิตใต้สำนึกเพื่อแก้ไขพฤติกรรม เพื่อผ่อนคลายและเพื่อความสุข ความสำเร็จในชีวิตประจำวัน  ฝึกสมาธิเพื่อหยุดความคิดและอารมณ์ให้นิ่งกับความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ฝึการปล่อยความคิดน้ำไปสู่การผ่อนคลายอย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ  ลดความดันโลหิต  ลดความเครียด  ตลอดจนช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ฯลฯ


9. คนตรีบำบัด (Music Therapy) 


สปาบางแห่งเน้นการเปิดเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เพลงคลาสสิก ไลท์มิวสิก เพลงไทยเดิม  เพลงกลุ่มนี้จะช่วยสร้างจินตภาพเพื่อการผ่อนคลายฟื้นฟูและบำบัดรักษาโรค ทำให้เกิดสมาธิ  เพราะดนตรีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย  จิตใจ การทำงานของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราการหายใจ อัตราการเต้นของชีพจร ความดันโลหิต การตอบสนองของม่านตา ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ  และการไหลเวียนของเลือด จึงมีการนำดนตรีมาประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ


10. วิธีบำบัดที่อาศัยแสงสี ตลื่นแสง (Color-Light-Solar Therapy)


เพื่อบำบัดฟื้นฟู เช่น พลังออรา (aura) เป็นต้น  ในคนปกติมีพลังออราเป็นรัศมีที่ล้อมรอบกายหยาบอยู่ทุกทิศทาง  ในลักษณะสามมิติ รูปกลมรี รูปไข่ ล้อมรอบร่างกาย 2-3 เมตร ผู้ที่มีประกายพลังออราอ่อน พลังภายนอกจะสามารถเข้ามาก่อกวนได้ง่าย ทำให้สามารถถูกครอบงำและเหน็ดเหนื่อยได้ง่าย ล้มเหลวง่าย และเจ้บป่วย


บางแห่งใช้การอาบแสงตะวัน (Solar Therapy) ของชาวอินเดีย รวมทั้งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเครื่องมือทันสมัย  การบำบัดด้วยรังสรอินฟราเรด ด้วยเครื่องมือทันสมัย ฝักบัวอาบน้ำแสงสี (Colour Shower) มีแสงไฟหลาหหลายสีสัน  เพื่อการบำบัดตามอารมณ์ที่ต้องการผ่อนคลาย ในขณะอาบน้ำเลือกสีได้ตามใจ เช่น สีแดง ช่วยเติมพลังให้แก่ร่างกาย และให้ความรู้สึกสดชื่น มีชิวิตชีวา สีเหลือง ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น

11. การใช้พลังของหิน หรือคริสตัลจากธรรมชาติ (Crystal-Rock Therapy)

เพื่อการผ่อนคลาย ฟื้นฟู และบำบัด โดยการวิเคราะห์จากธาตุและพฤติกรรมของแต่ละคน แล้วนำมาวางเรียงรายตามจุดฝังเข็มของร่างกาย หรือทำเป็นเครื่องประดับสวมใส่ด้วย  นำมาวางไว้ในห้อง หรือวางใกล้ตัว ก้อนหินหตือคริสตัลเก็บความร้อนไว้ได้นาน และเปล่งรังสีอินฟราเรดแบบไม่เรืองแสงทำให้ร้อนสบาย แต่ไม่ระคายเคือง  ซึ่งวิธีการนี้ยังต้องมีข้อมูลยืนยันให้มากพอ

12. สมุนไพรบำบัด (Herbal Therapy)


เป็นการใช้สมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมมาเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารเสริมเพื่อสร้างความสดชื่น ลดไขมันในเลือด ลดน้ำหนัก ลดระดับน้ำตาล คลายเครียด ช่วยให้นอนหลับง่าย  สามารถใช้บำรุงผิวพรรณ เช่น การอบไอน้ำ การแช่ตัว พอกผิว บำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมาก


♦เรียบเรียงบทความ "รูปแบบและบริการของสปาที่ได้รับความนิยม"
โดยกองบรรณาธิการ
www.baimintspa.com

TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา
สิงหาคม 31, 2560

องค์ประกอบของสปาเพื่อสุขภาพ article


องค์ประกอบของสปาเพื่อสุขภาพและความงาม

"The International Spa Association" ( ISPA ) ได้ให้คำนิยามของ "องค์ประกอบของสปาเพื่อสุขภาพและความงาม" ควรประกอบไปด้วยปัจจัยสำคัญ 10 ประการ ได้แก่


1. น้ำ (Water) สามารถนำไปใช้ได้หลายรูปแบบทั้งภายในและภายนอกสปา โดยนำมาเป็นส่วนประกอบในการบริการและการตกแต่งสถานที่


2. การบำรุง (Nourishment) เช่น อาหารสุขภาพ  เครื่องดื่มสมุนไพร

3. การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย (Movement, Exercise & Fitness) การ
เคลื่อนไหวในท่าทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆกัน สร้างความกระปรี้กระเปร่า เพิ่มพลังงาน เช่น การออกกำลังกายแบบต่างๆ  การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

4. การนวด (Touch and Massage) ซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ การนวดการสัมผัสที่สื่อสารความรู้สึกต่าง ๆ ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นผ่อนคลาย และบำบัดอาการปวดเมื่อย

5. การบำบัดร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ (Body, Mind & Spirit)กิจกรรมสุขภาพที่บูรณาการระหว่างความสำพันธ์ที่สอดคล้องกันระหว่างกาย ความคิด จิตใจและจิตวิญญาณกับสภาพแวดล้อม

6. ศาสตร์ด้านความงาม (Aesthetics) การบำรุงรักษาความงามกับกระบวนการที่ใช้ผลิตภัณฑ์พืชพรรณธรรมชาติ  สมุนไพรต่างๆ ที่มีผลกับร่างกายมนุษย์

7. สถานที่ตั้ง (Environment) ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม การออกแบบตกแต่งรูปแบบบรรยากาศดี ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

8. การแสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรม  (Art, Culture & Social) เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่สร้างความสุนทรีย์และประทับใจในเวลาที่ได้พักผ่อน และมีสังคมที่ดีกับมิตรสหาย

9. เวลา และจังหวะของชีวิต (Time, Space, Rhythms) ตระหนักถึงการใช้เวลาและจังหวะชีวิตที่ได้ดูแลสุขภาพให้แก่ตนเอง มีเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพโดยสอดคล้องกับวงจรธรรมชาติ

10. ระบบการบริหารจัดการที่ดี (Management and Operation System) มีการบริหารงานอย่างเป็นระบบ

►►"สปาเพื่อสุขภาพ" 


คือ  การประกอบกิจการที่ให้การดูแลและเสริมสร้างสุขภาพ  โดยประกอบไปด้วยบริการหลัก และบริการเสริมประเภทต่าง ๆ บริการหลักประกอบด้วย  การนวดเพื่อสุขภาพและการใช้น้ำเพื่อสุขภาพ บริการเสริม คือ  กิจกรรมต่างๆ ที่ควรจัดให้มีอยู่ในเมนู  เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจให้มาใช้บริการบ่อยขึ้นและมีความหลากหลายในสปามากชึ้น  ตัวอย่างของกิจกรรมต่าง ๆ เช่น  


  • การออกกำลังกาย 
  • การทำสมาธิและโยคะ
  • การอบเพื่อสุขภาพ
  • การแพทย์ทางเลือก
  • โภชนบำบัดและการควบคุมอาหาร

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

แอโรบิค (Aerobic) คือ การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ประโยชน์ของกานเต้นแอโรบิคจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ 50-90%

 ฟิตเนส (Fitness/Gym)  คือวิธีทดสอบความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของร่างกาย  เป็นโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อปรับปรุงรูปร่าง ลดไขมัน กระชับรูปทรง หรือเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ฟิตบอล (Fit Ball)  ฟิตบอลเป็นการออกกำลังกายที่จะช่วยเน้นการบริหารส่วนบนร่างกาย ตั้งแต่ไหล่ หน้าท้อง แผ่นหลังไปจนถึงต้นขา สะโพก และบั้นท้าย  การควบคุมแรงดีดกลับของลูกบอลขณะเล่นจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว  และการทำงานของอวัยวะแต่ละส่วนให้สัมพันธ์กัน

ชิบอล (Chi Ball)  ประยุกต์ขึ้นจากความสมดุลของหยิน-หยาง  หัตถโยคะ การทำสมาธิ โดยมีอุปกรณ์คือ ลูกบอลนุ่มๆ ขนาดเส้นรอบวง 15 เซนติเมตร  ปัจจุบันภายในลูกบอลจะบรรจุกลิ่นหอมลงไปด้วย
ประโยชน์ของชิบอล  ช่วยปรับสมดุลและเพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ช่วยให้พลังไหลผ่านส่วนต่างๆของร่างกาย ปรับสมดุลอย่างช้าๆพร้อมกับทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย  และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อบริเวณซี่โครงและกระบังลม  ช่วยลดน้ำหนัก กระชับส่วนบริเวณบั้นเอว และสะโพก

ฟิลาทิส (Pilates) หลักการเล่น  ฟิลาทิส จะเน้นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่น กระชับ และแข็งแกร่ง เป็นการผสมผสานการสร้างพลังให้แก่ร่างกายกับการมอบความสงบคืนสู่จิตใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับสวยงามแบบนักเต้นรำ และมีบุคคลิกท่วงท่างดงามเป็นการออกกำลังกายแนวใหม่ที่นิยมในหมู่ดาราอย่าง มาดอนน่า และซาราห์ เจสซิก้า ปาร์คเกอร์ หากเล่นต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงเป็นประจำ จะช่วยให้หลอดเลือดหัวใจ ปอด และกระดูกสันหลังแข็งแรง

การชกมวย (Boxing) เป็นศิลปะการออกกำลังกายแบบไทยๆ ที่เผาผลาฐแคลอรี่ ได้มากที่สุดประเภทหนึ่ง และยังเป็นการเรียนรู้ในศิลปป้องกันตัวอีกแขนงหนึ่งด้วย

ไทชิ (Tai Chi)  เป็นศิลปะการต่อสู้แบบจีน โดยฝึกความสัมพันธ์ระหว่างการหายใจลึกๆ กับการเคลื่อนไหวท่วงท่าของร่างกายช้าๆ ให้เป็นการทำงานประสานกันระหว่างกายกับจิต


กีฬาประเภทต่าง ๆ (Sport) 

การทำสมาธิและโยคะ

การนั่งสมาธิ (Meditation) คือการฝึกปฏิบัติทางด้านจิตใจ โดยสามารถฝึกได้หลากหลายวิธี เช่นกำหนดลมหายใจ การเดินจงกลม การทำจิตให้ว่าง ประโยชน์คือ ช่วยลดความเครียด และคลายความอ่อนล้า อีกทั้งยังส่งเสริมสุขภาพให้ทั่วทั้งร่างกาย

ชิกง (Qi Jong) ศาสตร์การแพทย์ในการรักษาแบบจีน ซึ่งรวมเอาการเคลื่อนไหวและการฝึกหายใจไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายและจิตใจ  และหากมีการฝึกอย่างต่อเนื่องในระดับหนึ่งจะสามารถช่วยบำบัดโรคได้             
     
เรกิ (Reiki) หมายถึง การใช้พลังภายในร่างกายไหลผ่านฝ่ามือและถ่ายทอดสู่อวัยวะอื่นๆ เป็นเทคนิคแบบญี่ปุ่น  ช่วนในการผ่อนคลาย  และการไหลเวียนพลังงานภายในร่างกาย  ประโยชน์คือ  ทำให้จิตใจสงบ และช่วยฟื้นฟูสถาพร่างกายได้ดี

โยคะ (Yoka)  เป็นศาสตร์ของฮินดูโบราณ ซึ่งประกอบไปด้วย  การกำหนดลมหายใจ การยืดและเหยียดอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมีท่าทางต่างๆที่ช่วยในการเพิ่มการไหลเวียน เพิ่มความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของร่างกาย  โดยยึดหลักความสมดุลกันระหว่างร่างกาบและจิตใจ


การอบเพื่อสุขภาพ  แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

 การอบเซาวน่า 

ห้องซาวน่าจะมีลักษณะเหมือนกระท่อมที่ทำด้วยไม้สนเป็นท่อน ๆ หรือเป็นแผลงที่ซ้อนกันโดยมีเส้นใยแก้วใช้เป็นตัวฉนวน  เพื่อป้องกันความร้อนไม่ให้ออกไปนอกห้อง และช่วยรักษาอากาศร้อนในห้องให้แห้งอยู่ตลอดเวลา  ภายในห้องจะมีชั้นต่างระดับที่ทำด้วยไม้สนสำหรับนั่งพักขณะอยู่ในห้องซาวน่า จะให้ความร้อนแบบแห้ง โดยไม้สนจะช่วยดูดจับความหนาแน่นที่เกิดจากความร้อนในห้หองซาวน่า  ในห้องซาวน่าจะมีถังใส่น้ำไว่เพื่อใช้ราดก้อนหินที่อยู่บนเตา ซึ่งทำให้เกิดเป็นไอน้ำ อุณหภูมิของซาวน่าอยู่ระหว่าง 50-80 เซนเซียส

การอบไอน้ำ 

การอบไอน้ำจะให้ความร้อนแบบเปียก อุณหภูมิสูงสุดของทรีทเม้นท์อบไอน้ำ คือ 45 องสาเซนเซียส ความชื้นสัมพัทธ์มีค่าประมาณ 92-97 %


การอบไอน้ำแบ่งได้ 2 แบบ


แบบตู้อบไอน้ำ  (Steam Cabinets)    แบบห้องอบไอน้ำ  (Steam Room)
Steam Cabinets เป็นลักษณะของตู้อบไอน้ำที่ออกแบบมาให้ลูกค้าเข้าไปนั่งได้เพียงคนเดียว และโผล่ส่วนของศรีษะออกมาข้างนอก

Steam  Room  ห้องอบไอน้ำที่เหมาะสำหรับการให้บริการลูกค้าหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน ทรีทเม้นท์ที่ได้รับความนิยมมาก  ระยะเวลาในการที่ห้องอบไอน้ำจะร้อนจนได้ที่ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง  มีทั้งขนาดเล็กสำหรับลูกค้าคนเดียว  ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่บรรจุลูกค้าได้มากกว่า 10 คน

การแพทย์ทางเลือก การแพทย์ทางเลือกหมายถึง การรักษาโรคหรือความเจ็บป่วยด้วยวิธีการอื่น ที่มีขั้นตอนการปฏิบัตินอกเหนือไปจากการรักษาที่ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิธีที่รู้จักกันโดนทั่วไปได้แก่ การฝังเข็ม การบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย การสะกดจิต ฯลฯ

การฝังเข็ม 

วิธีการรักษารูปแบบหนึ่งของจีนโดยการใช้พลังงานภายในร่างกายรักษาตนเอง  การฝังเข็มจะใช้เข็มที่สะอาดเล่มเล็กๆหลายๆเข็มฝังลงไปที่ผิวหนังตามจุดสะท้อนต่างๆ ทั่วร่างกาย

การบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย 

การนำน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากพืชแล้วนำมาปรุงแต่งเป็นยารักษาโรค  เป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และช่วยบำบัดทางอารมณ์

การสะกดจิต 

การผสมผสานระหว่างจิตวิทยา  จิตเวชศาสตร์ สรีรศาสตร์ หรือ สาธารณะสุขศาสตร์ และวิชาแพทย์ศาสตร์เข้าด้วยกัน

ประโยขน์ของการสะกดจิตมีหลายด้าน เช่น

ด้านสุขภาพความงาม เช่น ลดความอ้วน
ด้านการศึกษา ทำให้สมาธิดีขึ้น เพิ่มความจำและความสามารถในเชิงกิฬา
ขจัดนิสัยที่ไม่ดี เช่น ติดบุหรี เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
แก้ปัญหาสมองอันเกี่ยวกับจิตใจ เช่น นอนไม่หลับ คิดมาก เส้นประสาทตึงเครียด


โภชนบำบัดและการควบคุมอาหาร อาหารสำหรับสปาส่วนใหญ่เน้นไปที่อาหารไม่มีไขมัน  โคเลสเตอรอลต่ำ รสชาติออกไปทางจืดหรือหวานเล้กน้อย  ไม่เค็ม  แต่อร่อย เมนูอาหารในสปาจะต้องปรับปรุง  คิดค้นอาหารที่ง่ายต่อการย่อยแต่ให้พลังงานเพียงพอและบำรุงร่างกาย  ผิวพรรณ ให้มีสุขภาพที่ดี  อาหารสปาส่วนใหญ่จะแสดงปริมาณของแคลอรี่  โปรตีน คาร์โบไฮเดรต  และไขมันของอาหารไว้ชัดเจน วัตถุดิบที่นำมาใช้โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สมุนไพรและผักที่ปลูกเอง
การนวด (Massage Therapy)

 นวดแผนไทย (Thai massage)

ด้วยเทคนิคการนวดไทยที่ถูกวิธีจะช่วยทำให้เกิดผลที่ดี ทำให้เลือดลมแล่นไปตามเส้นต่างๆ ในร่างกายคลายเส้น ไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บ

นวดสวีดิช (Swedish Massage)

เป็นการนวดด้วยเทคนิตการนวดเคล้นเป็นจังหวะโดยการใช้เทคนิคด้วยมือผสมกับน้ำมันนวด ช่วยให้ของเหลวในร่างกายไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ผ่อนคลาย แก้เมื่อยและลดเซลลูไลท์

 นวดอโรมา (Aroma Massage) 

การใช้น้ำมันนวดที่มีส่วนสำคัญของน้ำมันหอมระเหย  ผสานด้วยเทคนิคการนวดเฉพาะอย่างที่ช่วยสร้างความสุนทรีย์ทางอารมณ์มีกลิ่นหอมติดผิวกายทำให้ผิวกายนุ่มนวลและลดความเมื่อยล้า แก้ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกาย

นวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า (Reflexology) 

การนวดกดจุดฝ่าเท้า เป็นการรปรับสมดุลของระบบการทำงานภายในร่างกาย ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตบริเวณเท้า สร้างความสบายและผ่อนคลาย ความเมื่อยล้าทั้งระบบ

นวดประคบสมุนไพร (Thai herbal Masage bag)

ลูกประคบสมุนไพรบดละเอียดด้วยส่วนผสมของไพล มะกรูด ตะไคร้ ใบมะขามและการบูร ส่วนผสมทั้งหมดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการเจ็บปวดและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ กลิ่นหอมของสมุนไพร ช่วยให้เกิดการผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี

การขัดผิวด้วยเกลือ (Salt Glow) 

การขัดผิวเป็นวิธีที่ช่วยให้ผิวสะอาด เกลี้ยงเกลารักษาความชุ่มชื้นของผิวให้คงอยู่  ทำให้ผิวเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูและนุ่มนวล

การพอกบำรุงตัวด้วยผลไม้ (Polamai Thai Wrap) 

การพอกตัวด้วยผลไม้ไทยที่อุดมด้วยวิตามินและเอนไซม์ ช่วยให้ผิวขาวสดใส เปล่งปลั่ง

การพอกบำรุงตัวด้วยสมุนไพร (Thai Herbal Wrap) 

ด้วยเทคนิคการห่อตัว และคุณสมบัติจากสมุนไพรธรรมชาติ มีประโยชน์ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น แข้งแรง

การพอกตัวด้วยโคลน (Mud Wrap) 

เป็นการนำเอาคุณสมบัติของโคลนซึ่งมีที่มาจากหลายประเทศ เช่น  Dead Sea, Romania หรือ ภูโคลนในประเทศไทย น่ำมาขัดและพอกผิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวให้ใหม่อยู่เสมอ ทำให้ผิวนุ่มนวล


♦เรียบเรียงบทความ "องค์ประกอบของสปาเพื่อสุขภาพ"โดยกองบรรณาธิการwww.baimintspa.com



TAG : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา



เว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับ : อยาก เรียน นวด ส ปา,เรียน นวด ส ปา วัด โพธิ์,เรียนนวดสปา ชลบุรี,เรียนนวดสปา พร้อมทํางาน,เรียนนวดสปา พัทยา,เรียนนวดสปา เชียงใหม่,เรียนนวดสปาที่ไหนดี,เรียนนวดสปา,สอนนวดสปา